มาดูกันว่า Big Data ใน FinTech เป็นอย่างไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง

         

สวัสดีครับ กว่า 90% ของข้อมูลที่อยู่ทั่วโลกถูกนั้นถูกสร้างขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา เนื่องจากอุปกรณ์ขนาดเล็กในกระเป๋าของเรากลายเป็นส่วนสำคัญหนึ่งในชีวิตของเรา ธุรกิจต่าง ๆจึงสามารถเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าได้ในปริมาณมหาศาลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่มาจะเป็นการใช้คุกกี้ทางอินเทอร์เน็ต เพื่อสร้างประสบการณ์ออนไลน์โดยเฉพาะบุคคลหรือการวิเคราะห์ธุรกรรมทางการเงินเพื่อเสนอการจัดทำแผนงบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ธุรกิจทุกรูปแบบและทุกขนาดกำลังเริ่มเข้าใจความสำคัญของข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน FinTech กำลังมองหาแอปพลิเคชันต่าง ๆ ของ Big Data เพื่อขัดขวางสถาบันการเงินด้วยวิธีการให้ความสำคัญกับลูกค้า ซึ่งในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าการนำ Big Data มาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม FinTech ได้อย่างไร และมีประโยชน์อะไรบ้าง

อะไรทำให้ Big Data นั้นใหญ่

          Big Data เป็นแนวคิดในการรวบรวมข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้บริโภคซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร ตั้งแต่ร้านขายของชำในเมืองเล็ก ๆ ไปจนถึงธนาคารในเมืองใหญ่นั้นมีการใช้ข้อมูลแค่นิดหน่อยเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของตนเองให้ดีขึ้น ในทางกลับกัน Big ใน Big Data ได้เสนอข้อมูลของผู้บริโภคที่มีศักยภาพซึ่งสามารถพลิกโฉมโลกทางการเงินได้แก่บริษัทต่าง ๆ

          มูลค่าของ Big Data นั้นเพิ่มขึ้นเหมือน Internet of Things (IoT) เทคโนโลยีการเคลื่อนที่ที่ก้าวหน้า และการพัฒนาของกลไกของการพิสูจน์ตัวตน

          โดยเหตุนี้ บริษัท FinTech ได้ใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากให้กับแผนกวิทยาศาสตร์ เพื่อมุ่งเน้นไปที่การรวบรวมและประมวลผลข้อมูล ดังนั้นคนที่ได้รับบริการแต่ไม่ทั่วถึง (Underserved) และไม่ได้รับบริการ (Unbanked) ในอดีตสามารถเข้าถึงโอกาสทางการเงินใหม่ ๆ ได้

          Big Data จำเป็นต้องมี 3 ลักษณะหรือ 3V ด้วยกัน

Volume (ปริมาณ) เทคโนโลยีแบบดั้งเดิมไม่สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ ทำให้ Big Data ต้องเข้ามาจัดการในส่วนนี้

Velocity (ความเร็ว) ข้อมูลต้องได้รับการประมวลผลแบบเรียลไทม์ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นสูงสำหรับองค์กรโดยส่วนใหญ่

Variety (ความหลากหลาย) แพลตฟอร์ม Big Data ควรสามารถรองรับรูปแบบข้อมูลที่มีความหลากหลายได้ รวมไปถึงข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง เช่น เสียง ทวีต สถานะการอัปเดต และวิดีโอ

Big Data ใน Fintech คืออะไร

          Big Data ในด้านการเงินหมายถึงข้อมูลที่มีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้างหลายเพตะไบต์ที่ธนาคารและองค์กรทางการเงินอาจจะนำไปใช้เพื่อคาดการณ์พฤติกรรมของผู้บริโภคและพัฒนากลยุทธ์ต่าง ๆ

          ในภาคการเงินได้มีการสร้างข้อมูลเป็นจำนวนมาก ข้อมูลที่มีโครงสร้างคือข้อมูลที่เก็บไว้ภายในบริษัทเพื่อการตัดสินใจโดยข้อมูลเชิงลึก ส่วนข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างนั้นได้รับมาจากแหล่งต่าง ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็มีศักยภาพให้วิเคราะห์เพื่อนำมาใช้ได้

          FinTech ที่กำลังเกิดใหม่กำลังใช้ Big Data เพื่อคาดการณ์พฤติกรรมของลูกและสร้างการประเมินความเสี่ยงที่มีความซับซ้อนทำให้มีความแตกต่างจากสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม FinTech เข้ามามีส่วนร่วมในตลาดทางเงินได้จากการตอบสนองที่รวดเร็วจากข้อมูลที่ได้รับแบบเรียลไทม์

          FinTech มีการตัดสินใจได้ดีขึ้นและมอบประสบการณ์รายบุคคลให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น ด้วยความสามารถในการจัดการ Big Data

FinTech อาจจะใช้ Big Data เพื่อทำความเข้าใจผู้บริโภคเป็นรายบุคคล แทนที่จะคาดเดาหรือปิดบังด้วยแบบประเมินความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง

ประโยชน์ของ Big Data ในอุตสาหกรรม FinTech

FinTech สามารถได้รับประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ดังนี้

การให้ความสำคัญกับลูกค้า

          FinTech อาจจะใช้ Big Data เพื่อพัฒนาโปรไฟล์ของผู้ใช้อย่างละเอียด และกลยุทธ์การแบ่งกลุ่มลูกค้าที่แม่นยำ ทำให้ FinTech สามารถปรับบริการตามความต้องการเฉพาะได้ อาจจะให้บริการเป็นรายบุคคลโดยวิธีการสร้างแบบจำลองที่ซับซ้อน ซึ่งได้นำ อายุ เพศ เงิน ที่อยู่ และแม้กระทั่งสถานะความสัมพันธ์ของแต่ละบุคคลเข้ามาวิเคราะห์

เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัย

          ถึงแม้ว่าในภาค Digital Banking การโกงจะเป็นปัญหาที่แพร่หลายแต่ Big Data อาจจะเข้ามาช่วย FinTech ในการพัฒนาระบบตรวจสอบการโกงที่แม่นยำโดยการตรวจจับธุรกรรมแปลก ๆ โดย FinTech อาจจะใช้แอปพลิเคชันเพื่อแจ้งให้ผู้บริโภคเกี่ยวกับความกังวลด้านความปลอดภัยของเงินได้

ปรับปรุงการประเมินความเสี่ยง

          ธุรกิจในอุตสาหกรรม FinTech ที่เชี่ยวชาญในด้านการวิเคราะห์ Big Data อาจจะรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ด้วยความพยายามอย่างเต็มที่ การประเมินความเสี่ยงที่ดีขึ้นทำให้ FinTech สามารถดำเนินการทางการเงินได้ด้วยความมั่นใจ จัดการกระแสเงินสด และให้ Rate ดี ๆ กับผู้บริโภคได้

การบริการลูกค้าที่ดีขึ้น

          Fintech อาจจะใช้ Big Data เพื่อสร้างร่องรอยดิจิทัลของพฤติกรรมทางการเงินของลูกค้า ระบุปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น และให้ความช่วยเหลืออย่างสม่ำเสมอ Fintech อาจจะใช้ข้อมูลและการคาดการณ์จากพฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้าเพื่อนำเสนอบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับลูกค้า

Chatbot, Bot และ Robotic Process Automation

          Chatbot ใช้ Artificial Intelligence หรือ AI เพื่อให้สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ Chatbot เหล่านี้สามารถช่วยเหลือผู้บริโภคได้หลายวิธี รวมไปถึงการจัดการธุรกรรม การให้ข้อมูลที่สำคัญ

          Robotic Process Automation (RPA) นำมาเพื่อช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้โดยการอนุญาตให้ Bot ทำงานกระบวนการซ้ำ ๆ ที่ต้องทำเหมือนเดิม และที่ต้องใช้แรงงานมาก โดยไม่จำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ ไม่เพียงแต่จะลดข้อผิดพลาดเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ร่วมงานในทีมมีอิสระในการรับมือกับปัญหาที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และให้ความช่วยเหลือลูกค้าได้ดีขึ้น

ความสำคัญของ Big Data ในอุตสาหกรรม FinTech

          Big Data เป็นที่ต้องการสูงในอุตสาหกรรมการเงินด้วยเหตุผลหลายประการ ดังนี้

ขาดการติดต่อแบบส่วนตัวกับลูกค้า

          ลูกค้าคาดหวังว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้โดยที่ไม่ต้องไปที่ธนาคาร แต่ถ้าเป็นแบบนี้จะทำให้การรวบรวมข้อมูลของลูกค้ายากขึ้นซึ่งอุปกรณ์แบบพกพาสามารถช่วยได้ โดยช่วยให้บริษัทสามารถรวบรวมข้อมูลของลูกค้าได้หลายประเภท เช่น ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ การปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ที่พบบ่อยที่สุด พฤติกรรมของผู้ใช้ และประวัติการเข้าชม ข้อมูลเหล่านี้อาจจะถูกนำไปใช้ทดแทนการที่ไม่ได้ติดต่อกับลูกค้าแบบเห็นหน้า

ร่องรอยโซเชียลมีเดียของ FinTech กำลังเติบโต

          ผู้ใช้จะทำการซื้อของและมีส่วนร่วมกับบริษัทต่าง ๆ ที่ใช้โซเชียลมีเดียที่ไม่ได้เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ไว้สำหรับพูดคุยกับครอบครัวหรือเพื่อนอีกต่อไป การตรวจสอบพฤติกรรมผู้ใช้บนโซเชียลมีเดียนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบริษัท FinTech ในการรับข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้และนำไปใช้เมื่อบริษัทเหล่านี้ขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ เช่น บริษัทประกันอาจจะสร้างแผนพิเศษตามข้อมูลบนโซเชียลเมีเดีย และธนาคารสามารถใช้ข้อมูลบนโซเชียลมีเดียในการสร้างคะแนนเครดิต

ความคาดหวังของลูกค้ากำลังเปลี่ยนไป

          ลูกค้าไม่เพียงแต่ต้องการให้ธุรกิจตอบสนองต่อความต้องการเท่านั้น แต่ยังต้องเกินความต้องการของพวกเขาด้วย หากไม่มีข้อมูลของผู้บริโภคเป็นไปไม่ได้ที่จะทำตามนี้ได้ บริษัท FinTech เพื่อมอบข้อเสนอที่เหมาะสมให้กับลูกค้า ควรรวบรวมข้อมูลจากช่องทางในหลาย ๆ ช่องทาง เช่น แอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน เว็บไซต์ อุปกรณ์สวมใส่ โซเชียลมีเดีย และอุปกรณ์อัจฉริยะ

          การเปลี่ยนแปลงของประสบการณ์ของลูกค้านั้นเกิดจาก Online Banking เราไม่จำเป็นต้องไปที่ธนาคารหรือรอเวลาเพื่อทำธุรกิจกรรมอีกต่อไป FinTech ได้พัฒนาบริการทางการเงินที่ช่วยให้สามารถแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์แบบไร้พรมแดน ช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น

          FinTech ได้ผลักดันให้บุคคลทั่วไปสามารถปรับตัวได้ โดยอนุญาตให้มีทางเลือกในบริการทางการเงินที่มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น บริษัท FinTech อาจจะตอบสนองต่อสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้อย่างว่องไว เนื่องจากมีพื้นฐานเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีร่วมสมัย

FinTech กำลังมีการแข่งขันกันเพิ่มมากขึ้น

          อุตสาหกรรม FinTech กำลังมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งดึงดูดผู้ประกอบการ สตาร์ตอัป และธุรกิจที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในทุก ๆ วัน ความสามารถของ FinTech ในการนำเสนอบริการนั้นมีความสำคัญต่อความสำเร็จในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง

          Big Data ช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการแบบเรียลไทม์และให้บริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าของตนเองได้

          ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถทุ่มเททรัพยากรต่าง ๆ ให้กับการตลาดและการลดราคาสำหรับลูกค้าได้ ทำให้บริษัทเหล่านี้อยู่เหนือคู่แข่ง เพราะฉะนั้นบริษัท FinTech จึงต้องใช้ระบบการทำงานแบบอัตโนมัติเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และ Big Data ก็จะเข้ามาช่วยในส่วนของตรงนี้ได้

เขียนโดย Akiraz

KAIO

อ้างอิงจาก Ashesh Anand (2021) Big Data in FinTech – Benefits and Importance, Available at: https://www.analyticssteps.com/blogs/big-data-fintech-benefits-and-importance Accessed: 8th November 2021).

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *